วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557

ความรู้เกี่ยวกับความสวยความงาม

a-369
ผักและผลไม้เป็นอีกหนึ่งใยอาหารสำคัญที่จะช่วยให้เรานั้นมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง แต่แน่นอนว่าเมื่อทุกอย่างมันมีดีแล้วมันก็ย่อมที่จะมีดีที่สุดเหมือนกัน ผักและผลไม้ก็อยู่ในโหมดนั้นค่ะ เพราะว่าผักและผลไม้บางชนิดนั้นก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพได้อย่างมากมาดูกันค่ะ
วันนี้เราจะมาบอกเล่าถึงผักและผลไม้เพื่อสุขภาพให้ได้รู้กันค่ะ ต่อไปเราก็จะได้เน้นปริมาณที่มันมีประโยชน์มากขึ้น ตอนนี้อยากจะรู้กันแล้วใช่ไหมหล่ะค่ะว่า ผักและผลไม้เพื่อสุขภาพ นั้นจะมีอะไรบ้าง แล้วประโยชน์ของ ชผักและผลไม้เพื่อสุขภาพเหล่านี้จะเน้นไปเป็นการดูแลสุขภาพแบบไหน อะงั้นอย่ามัวสงสัยกันอยู่เลยนะค่ะ เราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะว่า ผักและผลไม้เพื่อสุขภาพที่เราพูดถึงนี้จะมีอะไรบ้าง แล้ว 1 ในผักและผลไม้เพื่อสุขภาพนี้จะมีที่คุณชอบทานบ้างไหมน๊า ถ้ามีก็ดีใจมากๆ แต่ถ้าไม่มีซื้อมาไว้ติดตู้ได้เลยนะค่ะจะได้มีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์กันนะค่ะ

แนะนำ ผักและผลไม้เพื่อสุขภาพ

1. ลูกพรุน (Prunes)
ลูกพรุน เป็นแหล่งที่ดีของโปแตสเซียม เหล็กและไฟเบอร์ ที่สำคัญพรุนช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด พรุนเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดี พรุนแห้งหนึ่งขีดมีธาตุเหล็ก 2.78มิลลิกรัมและมีวิตามิน ซี ซึ่งช่วยในการดูดซึมธาตุต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นหากคุณผู้หญิงอยากมีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ริมฝีปากแดงสดเหมือนสตรอเบอรี่ แก้มแดงใสเหมือนลูกเชอรี่โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอาง ดูเป็นคนที่มีสุขภาพดีสมบูรณ์ด้วยเลือดฝาด

2. ถั่ว

ผู้หญิงทุกคนอยากมีหุ่นสวยเพรียว ไม่มีไขมันส่วนเกินสะสมถั่วช่วยคุณได้ค่ะ ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก วิตามินบีนอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่าเมื่อคุณรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ (ซึ่งถั่วมีอยู่แล้วมากมาย)ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่ม-นานความอยากอาหารจะลดลง ซึ่งแน่นอนว่ามีประโยชน์กับคุณสุภาพสตรีที่ต้องการลดความอ้วนเป็นอย่างมาก
3. แอปเปิ้ล
มีสารสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ เพคติน แต่ที่น่าสนใจสำคัญคุณผู้หญิงทั้งหลายคือ เจ้าตัว เพคตินนี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดโคเลสเตอรอล หากคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารแอปเปิ้ลสักลูกจะช่วยลดความหิวได้ เพราะแอปเปิ้ลมีแป้ง และน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 %ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็วและนำไปใช้ประโยชน์ได้ ในเวลาไม่เกิน 10 นาที
4. บรอคโคลี่
เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคุณสุภาพสตรีทั้งหลาย เพราะบรอค-โคลี่เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติซึ่งเจ้าตัว ซีลีเนียมนี้ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ (ซีลี-เนียมจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง จึงทำให้ผิวดูอ่อนวัยนุ่มนิ่ม มีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาว) แถมยังช่วยลบริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย
5. กล้วยไข่
กล้วยทุกชนิด ดีต่อสุขภาพแต่กล้วยไข่ดีเป็นพิเศษ ในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักกันดี คือ เบต้าแคโรทีน โดยธรรมชาติ เมื่อเราอายุพ้นยี่สิบสองไปแล้วความเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมในส่วนต่างๆ ของร่างกายก็จะเริ่มมาเยือนอย่างช้าๆ

6. ฝรั่ง

ฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง180 มิลลิกรัม วิตามินซีมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึงไม่แก่ก่อนวัยวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเจ้าตัวสารต้านอนุมูลอิสระนี้เองที่ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพผิวหนังแห้งเหี่ยว เกิดริ้วรอยตีนกาวิตามินซี มีความสำคัญต่อการสร้าง และบำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน(ConnectiveTissue) เซลล์นับล้านๆ ตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่า คอลลาเจนมันคือคอลลาเจนตัวเดียวกันกับคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณผู้หญิงทั้งหลายเต่งตึงนั่นเอง และเพราะฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินซีนั่นเอง คุณๆทั้งหลายที่อยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่ผิวสวยไว้นานๆน่าจะลองหันมารับประทานฝรั่งเป็นประจำ

7. ส้ม

แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรม-ชาติ การรับประทานส้มโดยไม่คายกากจะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค้กก้อนโต หรือโดนัทชิ้นใหญ่ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทนจะได้ประโยชน์มากกว่าในราคาที่ถูกกว่าด้วย
ผักและผลไม้ทั้ง 7 ชนิดที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น สำหรับคุณๆ ผู้หญิงทุกท่านที่ต้องการรักษาสุขภาพ นอกจากผักผลไม้ทั้งเจ็ดนี้แล้วผักและผลไม้อื่นๆ ก็มีคุณประโยชน์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันสถาบันโภชนาการแห่งชาติอเมริกาจึงได้แนะนำขนาด-ในการรับประทานผักผลไม้ในแต่ละวันว่า ควรจะรับประทานรวมกันให้ได้วันละครึ่งกิโล หรือ 5 ขีดจะช่วยให้คุณๆทั้งหลายมีสุขภาพแข็งแรง แจ่มใส ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมารบกวน

27 วิธีทำให้ผิวขาว
เมื่อพูดว่า “ผิวขาว” เชื่อเลยค่ะว่าคุณผู้หญิงทั้งหลายนั้นคงต้องถึงกับชะงักงั้นในคำพูดนี้กันเลยทีเดียว และเมื่อเราพูดว่า “เรามีวิธีทำให้วผิวของคุณผู้หญิงทั้งหลายขาวขึ้นได้ด้วยละค่ะ” คุณผู้หญิงทั้งหลายกำลังจะนึกถึงอะไรกันบ้างเอ่ย… แน่นอนคะว่าผู้หญิงไทยอย่างเราหรือใครก็อยากมีผิวขาวด้วยกันทั้งนั้นและวันนี้เราก็มีหลากหลายวิธีในการทำผิวของคุณนั้นขาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแบบไม่อันตรายมาฝากกันด้วยค่ะ
หากพูดถึงวิธีทำผิวขาวผู้หญิงหลายคนอาจหูผึ่งและยิ่งเมื่อได้รู้ว่ามีวิธีที่จะสามารถทำให้คล่ำ ๆ ของคุณทำให้กลาย เป็นผิวขาวใสขึ้นได้ คุณผู้หญิงหลายคนคงจะไม่ปฏิเสธถึงเคล็ดลับ 27 วิธีทำให้ผิวขาว ที่เรากำลังจะบอกคุณ ๆ ใช่ไหม

วิธีทําให้ผิวขาว ได้แก่

1. วิธีขัดผิว (Exfoliating) หมายถึง การขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิวหน้ารากศัพท์ของมันมาจากคำว่า “foliage” ซึ่งแปลว่าใบพืช เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า อิพิเดอร์มิส (Epidermis) หรือผิวชั้นนอกเกิดขึ้นมาโดยผ่านกระบวนการสร้างจนมาเติบโตเต็มที่อยู่ชั้นบนสุดของผิวหนัง โดยเซลล์ที่อยู่ล่างสุดของชั้นนี้ที่เรียกว่า เซลล์แรกเริ่ม (Basal Cells) จะสร้างเซลล์ลูกซึ่งจะเคลื่อนตัวขึ้นไปจนกลายเป็นผิวชั้นนอก เซลล์เหล่านี้มีหน้าที่เป็นตัวกั้นระหว่างร่างกายเรากับสิ่งแวดล้อมภายนอกทั้งยังช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นภายในและป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าสู่ผิว หลังจากเซลล์ใหม่ที่แข็งแรงกว่าอยู่ประจำที่บนชั้นผิวหนังแล้วเซลล์ผิวเก่าก็จะหลุดลอกออกโดยธรรมชาติ หากยังตกค้างอยู่บนผิวก็จะทำให้ผิวดูไม่มีชีวิตชีวาและดูเป็นสะเก็ด การขัดหน้าจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการกำจัดเซลล์เก่าที่บดบังความสดใสนั่นเอง
2. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการขัดผิวก็ได้แก่ ฟองน้ำขัดรูปแบบต่าง ๆ เช่น ใยบวบหรือครีม เช่น เอเอชเอ แม้กระทั่งผ้าเช็ดตัวก็สามารถใช้ขัดผิวได้ การขัดผิวอย่างนุ่มนวลจะช่วยให้ผิวของคุณดูชุ่มชื่นและใสกระจ่าง
3. ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวด้วยวิธีรุนแรง และหากขัดมากเกินไปก็อาจรบกวนหน้าที่ในการสกัดกั้นสิ่งแปลกปลอมของผิว รวมถึงทำให้ผิวอ่อนไหวมากขึ้นจนเกิดความแห้งกร้าน ไหม้แดด หรือปัญหาอื่น ๆ ได้ง่าย
4. ถ้าไม่กำจัดออกไปผิวจะเกิดการอุดตันและหายใจไม่ได้ ผลก็คือผิวจะหม่นหมองดูแล้วมีความมันหรือบางทีอาจทำให้เกิดสิวอุดตัน รวมทั้งทำให้กระบวนการไหลเวียนของโลหิตใต้ผิวไม่ดีทำให้ของเสียเกิดการสะสมตัว
5. ถ้าต้องการขัดผิวหน้าก็ควรทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง และขัดผิวกายเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่ถ้าใครมีเซลลูไลท์แนะนำให้ขัดผิวบริเวณส่วนนั้นทุกวัน โดยใช้ถุงมือผ้าที่ใช้สำหรับอาบน้ำนวดขัดเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและกำจัดของเสียออกทางระบบน้ำเหลือง
6. วิธีขัดผิวที่ถูกต้อง สิ่งที่ต้องมีคือ ฟองน้ำสำหรับขัดผิวกาย ถุงมือผ้า อาบน้ำหรือใยบวบและผลิตภัณฑ์ขัดผิว เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว ถ้าไม่แน่ใจลองปรึกษาคนขาย
7. เริ่มต้นที่ทำผิวเปียก นำผลิตภัณฑ์ขัดผิวเทใส่ใยบวบ ฟองน้ำ หรือถุงมือ แล้วทาลงบนผิวเบา ๆ นวดผลิตภัณฑ์บนผิวด้วยการวนมือเป็นลักษณะวงกลมเบา ๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นระบบไหลเวียนใช้น้ำล้างออกให้สะอาดซับให้แห้งแล้วทาครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นในขณะที่ผิวยังชื้น

8. ผลิตภัณฑ์สำหรับขัดผิวควรเลือกที่เป็นครีมหรือเจล
 เนื้อครีมควรมีลักษณะเป็นเม็ดกลมเพื่อปกป้องผิวจากการระคายเคือง หรือเป็นแผลถลอกขณะที่ขัดนวดผิวบริเวณนั้นควรมีความชื้นพอหมาดแล้วล้างออกด้วยน้ำมาก ๆ
9. ใยบวบ หรือใยขัดธรรมชาติเป็นอุปกรณ์ขัดผิวที่มีประสิทธิภาพมาก แต่ถ้าออกแรงขัดมากเกินไปอาจทำให้แสบผิวได้เพราะใยเหล่านี้มีลักษณะสากและหยาบ เวลาขัดจึงควรขัดเบา ๆ ไปทั่วร่างกายขณะอาบน้ำและเมื่อใช้เสร็จแล้วควรล้างทำความสะอาดและผึ่งให้แห้ง
10. การใช้ผ้าสำหรับถูตัว หรือฟองน้ำถูตัวเวลาอาบน้ำก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งของการขัดผิวโดยใช้ร่วมกับสบู่หรือเจลอาบน้ำก็ได้

11. เลียนแบบจากสปาชั้นนำ
 โดยการใส่น้ำให้เต็มอ่างเติมเกลือเม็ดลงไปและเวลาที่ลงไปแช่ตัวอยู่ในอ่างให้ใช้เกลือ 1 กำมือ ขัดไปมาเบา ๆ ให้ทั่วตัวและล้างตัวด้วยน้ำสะอาด
12. แปรงแปรงผิวสามารถใช้ได้ดี โดยขัดเบา ๆ บนผิวที่แห้งก่อนอาบน้ำ เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดไปหรือจะใช้ในขณะอาบน้ำร่วมกับสบู่หรือเจลอาบน้ำก็ได้
13. การปรนนิบัติผิวให้นุ่มนวลขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้นควรเริ่มด้วยการใช้น้ำมันนวดผิวก่อนอาบน้ำ จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนของการขัดผิว เพื่อช่วยปรนนิบัติผิวสะอาดหมดจด สวยเนียนสดใสไปอีกนาน ๆ
14. เราสามารถทำครีมขัดผิวใช้เอง โดยการใช้เกลือเม็ดเล็ก ๆ ผสมกับน้ำมันทาผิว (Baby Oil) หรือน้ำมันมะกอกทาทั่วตัวทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที นวดให้ทั่วแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
15. สครับสำเร็จรูปมักมีลักษณะคล้าย ๆ กัน คือมีบีด (bead) ซึ่งอาจทำจากเกลือ น้ำตาล อัลมอนด์ ฯลฯ ช่วยในการขัดผิว มีน้ำมันช่วยหล่อลื่นมีกลิ่นหอมอีกทั้งมีส่วนประกอบในการบำรุงผิวอีกหลายชนิด
16. เราสามารถทำสครับใช้เองง่าย ๆ ด้วย การใช้ผักผลไม้ชนิดที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในตัวเดียว คือมีผิวสัมผัสที่ให้ความหยาบเล็กน้อยแต่ต้องไม่ถึงกับให้ผิวระคายเคืองมีน้ำช่วยหล่อลื่นและมีวิตามินตรงกับความต้องการ
17. มะขามเปียก สับปะรด มีเส้นใยช่วยขจัดขี้ไคลมีความเป็นกรดช่วยทำความสะอาดผิวทำให้ผิวขาวใสมีวิตามินซึ่งเป็นแอนติออกซิแดนท์สูง มะละกอมีเอนไซม์อ่อน ๆ ช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้ววิตามินสูงแต่เนื้อมีความละเอียดมาก มะนาวเป็นกรดเหมาะใช้กับผิวส่วนที่หยาบกร้าน เช่น ข้อศอก ส้นเท้านุ่มขึ้น แตงกวาช่วยให้ผิวสดชื่น มะพร้าวขูดมีน้ำมันช่วยบำรุงผิว แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งมากต้องระวังลองใช้ส้มเช้งมีคุณสมบัติ คล้ายสองชนิดแรกแต่ไม่เป็นกรดมาก
18. ถ้าคุณเลือกส่วนผสมหลักที่มีความพร้อมในตัวเดียว เช่น มะขามเปียกก็สามารถนำมาสครับได้เลย แต่ถ้าเลือกมะละกอก็ควรหาสิ่งที่เป็นบีดเพิ่มเข้าไปด้วย เพราะบีดช่วยเพิ่มความสากในสครับทำให้สามารถขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้ง่ายขึ้น
19. เพื่อความปลอดภัยควรเลือกสิ่งที่อยู่ในครัวเรือนและมีโอกาสแพ้น้อยที่สุด เช่น เกลือมีฤทธิ์ช่วยสมานผิว ข้าวสารบดละเอียดช่วยให้ผิวขาว น้ำตาลทรายมีทั้งความสากและความหนืดอยู่ในตัวเอง งาเนื้อไม่หยาบเกินไป มีน้ำมันอยู่ในตัวช่วยลดความระคายเคืองและกาแฟกระตุ้นให้ร่างกายขับสารพิษ สิ่งที่ควรระวังคือบีดบางชนิดมีเหลี่ยมคมจึงต้องนำมาบดให้ละเอียดก่อนนอกจากนั้นอาจเพิ่มน้ำมันลงไปเพื่อช่วยลดการเสียดสี
20. ถ้าคุณมีผิวมัน ใช้มะขามเปียกหรือสับปะรดซึ่งมีความเป็นกรดช่วยขจัดความมันผสมกับเกลือมีฤทธิ์ช่วยสมานผิว เติมโยเกิร์ตช่วยบำรุงผิวก็ได้
21. ถ้าคุณมีผิวแห้ง ใช้ส้มเช้งเป็นส่วนผสมหลักปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นแว่นพอจับถนัดมือใส่งาขาวเป็นตัวช่วยขัด เพิ่มน้ำมันมะกอกเล็กน้อยลดความระคายเคือง
22. ถ้าคุณมีผิวแพ้ง่าย ใช้แค่งาขาว งาดำผสมน้ำผึ้งหรือโยเกิร์ตก็พอ
23. การใช้น้ำมัน จุดประสงค์สำคัญคือช่วยหล่อลื่นและเป็นตัวช่วยลดความเข้มข้นของกรดสำหรับคนผิวแห้งเช่น ถ้าคุณต้องการใช้สับปะรดขัดผิวแต่เกรงว่าผิวจะแห้งเกินไป การเพิ่มส่วนผสมน้ำมันก็เป็นทางเลือกที่ดีเพราะนอกจากช่วยให้ลื่นแล้วน้ำมันยังช่วยเคลือบผิวไม่ให้มีการสูญเสียน้ำมากเกินไป
24. การเพิ่มนม โยเกิร์ต น้ำผึ้ง หรืออื่น ๆ ที่ช่วยบำรุงผิวสามารถทำได้ แต่ต้องดูไม่ให้สครับข้นหรือเหลวเกินไปลักษณะของสครับที่ดีควรมีความหนืดเล็กน้อยจับตัวอยู่บนผิวได้และสะดวกแก่การขัด
25. ใครที่ชอบความหอมรื่นรมย์ สามารถเสริมกลิ่นด้วยการหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบลงไป 2-3 หยด ซึ่งต้องเป็นน้ำมันหอมระเหยสำหรับนวดตัว ซึ่งมักผสมที่ความเข้มข้นประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่สำหรับใส่เตาเผาน้ำมันเพราะน้ำมันหอมระเหยเข้มข้นจะทำให้ผิวไหม้

26. คนที่มีโรคเกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง 
เช่น ต่อมน้ำเหลืองอักเสบรุนแรง ต่อมน้ำเหลืองโต มีแผลเป็นหนอง หรือแม้แต่เป็นสิวอักเสบ ควรงดการสครับชั่วคราวจนกว่าจะหายเพราะการขัดเป็นการกระตุ้นให้อักเสบมากขึ้น
27. ถ้าจะสครับหน้าต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนที่สุด ขัดอย่างเบามือเพื่อกระตุ้นน้อย ๆ เน้นไปที่ร่องจมูกเลี่ยงจุดที่บอบบางมาก ๆ เช่น รอบดวงตา

วิธีใช้ครีมกันแดดอย่างถูกต้อง
ครีมกันแดดใครบอกว่าไม่สำคัญ แต่บอกเลยว่าสำคัญกับผิวผู้หญิงอย่างเรามากเลยนะค่ะ ยิ่งปัจจุบันแสงแดดเนี่ยแรงเหลือร้ายจริงๆ นอกจากจะทำให้คุณผู้หญิงผิวดำคล้ำเสียได้แล้วหากคุณอยู่ในแดดร้อนจัดเป็นเวลานานอาจจะถึงขั้นเป็นมะเร็วผิวหนังกันได้ทันทีทันใดเลยละค่ะ ฉะนั้นแล้วปัจจัยที่จะช่วยให้ผิวของคุณห่างไกลมะเร็วผิวหนังและทำไม่ให้ผิวคล้ำเสียได้แถมยังทำให้ผิวขาวขึ้นได้อีกด้วยนะ ก็ต้องมาทางครีมกันแดงให้ถูกต้องนะจ๊ะ ฉะนั้นแล้วมาดูวิธีที่ถูกต้องไปพร้อมกันกันเลยค่ะ
ผู้หญิงที่กลัวแดดและกลัวดำเชิญฟังทางนี้สักนิด ครีมกันแดดที่คุณใช้นั้นอาจะมีประสิทธิภาพที่ดี แต่ถ้าคุณใช้ไม่ถูกวิธีและหละก็จะทำให้ประสิทธิภาพใน ครีมกันแดด ทำงานได้ไม่เต็มที่และเป็นเหตุให้ผิวคุณเสียได้ ฉะนั้นวันนี้เราเลยนำคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ครีมกันแดดอย่างถูกวิธีมาฝากกันจ้า

วิธีใช้ ครีมกันแดด

1. การทาครีมกันแดดนั้นหากจะให้ได้ประสิทธิภาพตามที่กำหนดก็ต้องใช้ปริมาณครีมราว 1 ช้อนชาหรือประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ สำหรับทาหน้าและคอ แนะนำให้แบ่งทา 2 รอบค่ะ
2. ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดราว 15 นาที เพื่อให้ครีมกันแดดยึดติดกับผิวได้ดีกว่า และถ้าอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ๆ ก็ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมง 
3. หากต้องมีกิจกรรมกลางแดดต่อเนื่องหรือเล่นกีฬากลางน้ำกลางแดดควรเลือกครีมกันแดดชนิดกันน้ำ และทาครีมกันแดดซ้ำ ทุก 2 ชั่วโมง
4. ต้องทาครีมกันแดดเป็นประจำสม่ำเสมอ
โดยสรุป การหลีกเลี่ยงแสงแดดสามารถลดปัญหาที่เกิดจากแสงแดดได้ดีที่สุด นอกเหนือจากนี้ควรป้องกันแสงแดดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น ใช้ร่มเวลาที่ต้องออกแดด และการใช้ครีมกันแดดเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดควรเลือกให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ร่วมกับวิธีการใช้ที่ถูกต้อง


วิธีดับกลิ่นประจำเดือน...มั่นใจหายห่วง
ประจำเดือนเรื่องปกติที่สาวๆ ทุกคนต้องเจ๊อะเจอแบบที่เรียกว่าหลีกเลี่ยงกันไม่ได้เลยค่ะ และเพื่อสุขอนามัยที่ดีของจุดซ่อนเร้นด้วยแล้วยิ่งต้องให้ความสำคัญกันหน่อยจ๊ะ 1 เดือน  มา 1 ครั้ง รักษาความสะอาดกันเอาไว้ไม่งั้นเกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์อย่างแน่นอนจ้า และเมื่อเกิดกลิ่นกันแล้วเราก็มีวิธีดับกลิ่นมาฝากกันด้วยจ้า

เชื่อเลยค่ะว่าสาวๆ จำนวนไม่น้อยเลยที่มีทั้งความกังวลใจ อัดอึด และรำคาญเวลาที่เมื่อถึงเวลาที่ประจำเดือนมา เพราะนอกจากจะออกไปเที่ยวไหนมาไม่ค่อยสะดวกเพราะสร้างความกังวลว่าจะเลอะไหม จะเปื้อนไหมอยู่อย่างในทั้งวันนั้นและ แถมยังไปว่ายน้ำแบบเพื่อนๆ คนอื่นก็ยังไม่ได้อีก เพราะว่าช่วงที่มีประจำเดือนนั้นเป็นช่วงที่เชื้อโรคสามารถเข้าไปในมดลูกได้ง่ายๆ มากๆ ฉะนั้นแล้วจึงมีการงดเรื่องการว่ายน้ำ รวมถึงสาวๆ ที่มีสามีกันแล้วก็อาจจะต้องมีการงดเรื่องเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยกันไว้ด้วยค่ะ เนื่องจากว่าอาจจะทำให้ติดเชื้อทางมดลูกได้ ซึ่งปัญหาที่จะมานั้นจะสร้างความรำคาญยิ่งกว่าประจำเดือนมาซะอีก ยกตัวอย่างเช่น เป็นตกขาวผิดปกติกันได้ มีกลิ่น คัน เชื้อรา ฯลฯ ซึ่งเหตุนี้ต้องพบแพทย์ด่วนกันเลยจ้า
ปกติประจำเดือนจะมีกลิ่นเฉพาะอ่อนๆ ซึ่งไม่มากมายอะไรไม่ทำให้สาวๆ หลายๆ คนรู้สึกรำคาญได้ แต่เมื่อการสะสมของแบคทีเรียเกิดขึ้นกับจุดซ่อนเร้นอันเป็นปัญหามาจากการใช้ผ้าอนามัยแบบไม่ค่อยเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนเลยฉะนั้นแล้วหันมาเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 3 ชั่วโมงต่อ 1 แผ่น แต่ถ้าวันไหนมามากก็ควรเปลี่ยน 2 ชั่วโมงต่อ 1 แผ่น และควรเลือกใช้ผ้าอนามัยที่มีช่องระบายอากาศมากหน่อยเพราะจะช่วยในการถ่ายเทอากาศตรงจุดซ่อนเร้นไม่ให้การอับชื้นได้เป็นอย่างดีเลยละค่ะ ไม่ควรเลือกผ้าอนามัยที่ผสมกลิ่นน้ำหอมนะค่ะเพราะว่าในน้ำหอมในมีสารเคมีที่จะทำลายความสมดุลของจุดซ่อนเร้นได้ ฉะนั้นแล้วต้องเลือกผ้าอนามัยที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมจึงจะดีที่สุดสำหรับจุดซ่อนเร้นค่ะ วิธีง่ายๆ แบบนี้ก็ช่วยดับกลิ่นประจำเดือนแบบไม่พึงประสงค์ได้แล้วละค่ะ สาวๆ ทั้งหลายจ๊ะต่อไปนี้มั่นใจหายห่วงเรื่องกลิ่นของจุดซ่อนเร้นกันได้เลยจ้า

เลือกทรงผมให้เข้ากับใบหน้าการจะเลือกแบบทรงผมให้เข้ากับใบหน้าของตัวเราเองนั้นเชื่อเลยค่ะว่าคุณผู้หญิงหลายๆ คนนั้นมักจะคิดว่ามันเป็นเรื่องยากทั้งไม่มั่นใจและไม่ค่อยแน่ใจว่ารูปหน้าหรือใบหน้าของตัวคุณเองนั้นจริงๆ แล้วต้องเหมาะกับแบบทรงผมแบบไหนกันแน่ และทรงผมแบบไหนกันเอ่ยที่จะช่วยทำให้ผู้หญิงอย่างเราดูดีและมีเสน่ห์ได้มากยิ่งขึ้น วันนี้เรามีคำตอบเรื่องนี้มาฝากกันค่ะ
ผู้หญิงนั้นส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีความไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่าว่าจะเป็นในเรื่องการแต่งตัวหรือการ เลือกทรงผมให้เข้ากับใบหน้า เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะมีความกังวลหลายอย่างไม่ว่าจะเรื่อง อายุ รูปหน้า เพราะกลัวว่าถ้าตัดไปแล้วเกิดเด๋อจะเป็นเหตุให้สูญเสียความมั่น เลยทำให้ผู้หญิงหลายคนไม่กล้าที่จะเปลี่ยนทรงผมของตัวเองมากนักโดยส่วนใหญ่ผู้หญิงมักจะตัดแต่ทรงผมเดิม ๆ เพราะกลัวการเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้หญิงหลาย ๆ ท่านไม่ทราบคือ การตัดผมหรือการเปลี่ยนทรงผมนั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือบุคลิกภาพที่ง่ายที่สุดเลยก็ว่าได้ และคุณจะมาอยู่กับทรงผมซอยสั้น หรือ การไว้ทรงผมยาว แบบเดิม ๆ อยู่ทำไม ข้อดีของการเปลี่ยนทรงผมให้เหมาะสมกับตัวเองนั้นยังช่วยในเรื่องการลดอายุของใบหน้าจากสายตาของคนรอบข้างและคนภายนอกอีกด้วย คุณอาจจะดูแก่เป็นคุณป้าไปเลยก็ได้ถ้าคุณยังเกล้ามวยผมอยู่

เลือกทรงผมให้เข้ากับใบหน้า เลือกอย่างไรให้มั่นใจ !

ผู้หญิงหลายคนมักถามตัวเองว่าทรงผมแบบไหนจึงจะเหมาะกับตัวฉันเองนะ สำหรับการตัดทรงผมนั้นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงในอันดับแรก ๆ เลยก็คือรูปหน้า เพราะรูปหน้านั้นจะเหมือนเป็นตัวบ่งชี้ว่าทรงผมที่มีอยู่ตามนิตยสารต่าง ๆ ที่ว่างขายอยู่นี้มีทรงไหนที่เราควรตัด และทรงผมแบบไหนที่เราไม่ควรตัดเอาซะเลย แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกทรงผมสุดท้ายก็คือความมั่นใจนั่นเอง เพราะสุดท้ายต่อให้เลือกทรงผมแบบไหนหรือตามแฟชั่นสุด ๆ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจแล้วละก็ ทรงผมของคุณก็อาจจะดูไม่ดีเลยก็ได้ ทั้ง ๆ ที่ทรงผมนั้นก็ดูดีอยู่

รูปหน้าแบบไหน ตัดทรงผมอย่างไร ?

* สำหรับผู้หญิงที่มีใบหน้าทรงกลม ทรงผมควรจะตัดเป็นแบบสั้นอยู่ในระดับแนวขากรรไกร ไม่ควรให้สั้นไปกว่านั้น แต่ถ้าจะตัดยาวกว่าีนี้ได้ไม่มีปัญหา
* สำหรับผู้หญิงที่มีรูปหน้ายาว ควรจะไว้ผมบ๊อบสั้น และเปิดผมด้านข้างให้ดูหน้าผ่องใสกว้างขึ้น จะได้ไม่ดูยาวแคบจนเกินไป
* สำหรับผู้หญิงรูปหน้าเหลี่ยม ควรดัดผมเป็นลอนอ่อน ๆ จะดูเหมาะกับคุณทำให้ดูพลิ้วสลวย อ่อนโยน และช่วยลดมุมที่เป็นเหลี่ยมของใบหน้าไดัดีทีเดียว
* สำหรับผู้หญิงที่มีใบหน้ารูปไข่ ดีใจด้วยค่ะคุณจะตัดผมทรงไหนก็เขาได้กับรูปหน้าของคุณไปหมดเรียกว่าสวยทุกทรงค่ะ
* แต่ถ้าคุณเป็นสำหรับผู้หญิงที่คอค่อนข้างสั้น ควรที่จะไว้ผมให้ยาว เพราะทรงผมที่สั้นมาก ๆ นั้นจะทำให้เน้นเห็นคอสั้นมากยิ่งขึ้น
* และถ้าคุณเป็นสำหรับผู้หญิงที่ใบหน้าแคบ คุณควรจะไว้ผมยาวระดับกลาง ๆ พร้อมกับซอยไล่ระดับ ผมยาวระดับไหล่ จะสร้างกรอบหน้าให้คุณดูสวยในขณะที่ผมซอยไล่ระดับนั้น จะช่วยเพิ่มน้ำหนักให้ดูสมดุลกับใบหน้าเรียว ๆ ของคุณได้